The Blue House: สามแคนดิเดต ขงเบ้งคนใหม่แห่งทัพ ‘สิงห์บลู’
การปลด แกรมห์ พ็อตเตอร์ ออกจากตำแหน่งผู้จัดการทีมชุดใหญ่ เล่นเอาแฟนบอลจุดพลุฉลองไปหลายพันดอก วันนี้กระผมเลยลิสต์ 3 รายชื่อที่เขาว่ากันว่า จะเป็นผู้จัดการทีมถาวรคนใหม่มาให้อ่านกันครับ
หลุยส์ เอ็นริเก้
เจ้าของฉายา ‘อินดี้เก้’ แห่งเมืองกระทิงดุ อดีตมิดฟิลด์ระดับโลก ผู้ผันตัวมาเป็นซูเปอร์โค้ชยอดฝีมือ มีทักษะการคุมทีมไม่เป็นสองรองใคร ทั้งยังเคยก้าวข้าม เป๊ป กวาร์ดิโอล่า กุนซือชื่อก้องคนปัจจุบันของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในแง่ของอัตราการเก็บชัยชนะ และลูกประตูได้เสีย สมัยที่กุมบังเหียนอยู่ดินแดน บาร์เซโลน่า
การเปลี่ยนจากเกมรับเป็นเกมรุกได้อย่างรวดเร็ว เล่นฟุตบอลไดเร็คโดยอาศัยความเฉียบคมของสามประสานแดนหน้า ทำให้จุดเด่นของเขาดูจะเหมาะสมกับการเป็นโค้ชคนใหม่ที่ แสตมฟอร์ด บริดจ์ เนื่องจาก เชลซี ลงทุนเทกระจาดเม็ดเงินไปอย่างมหาศาลใน 2 ตลาดล่าสุด นำเข้าแข้งพระกาฬมาเสริมเติมแต่งมากมาย ซึ่งแน่นอนว่า หากที่มีอยู่ยังไม่ใช่สำหรับ เอ็นริเก้ ก็ไม่ใช่ปัญหาสำหรับ ท็อดด์ โบห์ลี่ย์ ที่จะเซ็นเช็คอีกสัก 3-4 ใบ เพื่อมอบในสิ่งที่โค้ชต้องการ
เอ็นริเก้ ยังเป็นกุนซือที่มีความหลากหลายในด้านแท็คติค เขาใช้ระบบการเล่นที่ไม่ตายตัว ไล่ตั้งแต่ (4-3-3) เพื่อเปิดเกมรุกเต็มที่ เน้นการเข้าทำทุกรูปแบบ, (4-4-2) Diamond เพื่อเล่นเกมสวนกลับอย่างมีประสิทธิภาพ หรือจะเป็น (3-4-3) เพื่อเน้นการป้องกัน และพึ่งพาวิงแบ็คเข้าจู่โจมฝ่ายตรงข้ามจากตำแหน่งริมเส้น
ในช่วงเวลาที่ เชลซี ยังมืดบอดกับอัตลักษณ์ที่แท้จริงของตนเอง เอ็นริเก้ อาจสามารถชุบชีวิต ‘สิงห์ระทม’ ให้กลายเป็น ‘สิงโตน้ำเงินคราม’ ได้อีกครั้ง
ยูเลี่ยน นาเกลส์มันน์
ในวัยเพียง 23 ปี ยูเลี่ยน นาเกลส์มันน์ เริ่มต้นเส้นทางอาชีพกุนซือด้วยการเข้าไปบริหารทีมชุดเล็กของ ทีเอสจี 1899 ฮอฟเฟ่นไฮม์ ก่อนถูกผลักดันให้ก้าวขึ้นมารับตำแหน่งผู้จัดการทีมชุดใหญ่ในอีก 4 ปีถัดมา ซึ่ง ทิม วีเซ่ อดีตนายด่านทีมชาติเยอรมนี ที่ค้าแข้งอยู่กับสโมสร ณ ช่วงเวลานั้น มอบฉายาให้เขาว่า ‘มินิ มูรินโญ่’
นอกจากใช้เวลาเพียงปีเดียว พาทีมหนีตกชั้นจบอันดับท็อปโฟร์ไปเล่น ยูฟ่า แชมเปี้ยนลีก ได้เป็นหนแรกในประวัติศาสตร์แล้ว เขายังคว้ารางวัล VDV Coach of the Season จากประเทศบ้านเกิด จนไปเตะตาผู้บริหารของ อาร์แบ ไลป์ซิก ยื่นปากกาและกระดาษสัญญาแทนคำพูด เป็นครั้งแรกที่ นาเกลส์มันน์ ได้สัมผัสประสบการณ์การคุมทีมที่พร้อมลุ้นแชมป์เต็มตัว ซึ่งเขาพาทีมไปได้ไกลถึงรอบรองชนะเลิศถ้วยยุโรปเลยทีเดียว
แต่อยู่ต่อได้แค่ 2 ขวบฝน ก็เป็นอันต้องย้ายถิ่นฐานอีกครั้ง โดยเป็นมหาอำนาจอย่าง บาเยิร์น มิวนิค ติดต่อเข้ามา ถึงตรงนี้ผมต้องขออนุญาตข้ามช่วงเวลานี้ไป เนื่องด้วยขุมกำลัง และสินทรัพย์ การเป็นแชมป์ลีคถือเป็น ‘เรื่องธรรมดา’ เกินไปของ ‘เสือใต้’ งั้นเรามาดูจุดเด่นที่สุดของโค้ชหนุ่มวัย 35 ปี คนนี้กัน
เขามีความคล้ายคลึงกับ หลุยส์ เอ็นริเก้ ตรงการใช้ระบบการเล่นที่หลากหลาย กล้าทดลอง Secret Lab ในการแข่งขันจริง โดยเฉพาะแผนการขึ้นเกมด้านกว้างด้วยวิงแบ็ค เพื่อเพิ่มพื้นที่การเล่นให้กับตัวรุกนั่นเอง จะบอกว่านี่เป็นกุญแจสำคัญที่ช่วยให้ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ ระเบิดฟอร์มยิงไส้แตก 50 ประตู จาก 46 นัด ก็คงไม่ผิดนัก
นอกจากนี้ เขายังหลงไหลในเทคโนโลยีล้ำสมัย เพื่อนำมาใช้ควบคู่กับการวิเคราะห์และพัฒนาศักยภาพบุคลากร ตามสไตล์คนรุ่นใหม่ไฟแรง ดูไปแล้วก็เข้าเค้ากับโปรเจ็คต์ Long Term ของ เชลซี อยู่เหมือนกัน
แฟรงค์ แลมพาร์ด
แฟนใหม่คนเก่าที่เข้ามาดูแลชั่วคราวยามที่สโมสรประสบปัญหา มีการพบเห็น แฟรงค์ แลมพาร์ด เข้ามารับชมเกมการแข่งขันระหว่าง เชลซี และ ลิเวอร์พูล เมื่อสองวันก่อน จนมีการประกาศ HERE WE GO ไปเมื่อตอนตี 4 วันก่อน
แลมพาร์ด คือ ส่วนสำคัญอย่างยิ่งในฤดูกาล 2019/20 ที่ เชลซี ถูกแบนในตลาดซื้อขายนักเตะ เขาเข้ามาปลุกปั้นดาวรุ่งแก๊งเด็กนรก อาทิ เมสัน เมาท์, รีซ เจมส์, ฟิกาโย่ โทโมริ, แทมมี่ อับราฮัม, บิลลี่ กิลมอร์ ฯลฯ พลิกโฉมสโมสรจาก escapeSingleQuotรถบัสลอนดอนescapeSingleQuot ให้กลายเป็น escapeSingleQuotรถถังเกราะพลาสติกescapeSingleQuot ก็แหม…เกมรุกจัดจ้านเร้าใจก็จริงอยู่ แต่เกมรับนี่ยุ่ยเป็นเนื้อปลาเค็มเลยน่ะสิ!
อย่างไรก็ตาม สภาวะความตึงเครียดที่เกิดขึ้น การได้ตัวฮีโร่ในวัยเด็กของเหล่านักเตะ อาจเป็นศูนย์รวมใจที่ดีจนคาดไม่ถึง พอสิ้นสุดนัดที่ 38 ค่อยมาถกประเด็นนี้กันอีกที ดูว่าเขาดีพอจะลุยต่อระยะยาวหรือไม่
สุดท้ายแล้ว ไม่ว่ากุนซือถาวรคนใหม่จะเป็นใคร สิ่งที่แฟนบอลคาดหวังมากที่สุดก็คงเป็นเรื่องผลงานและโทรฟี่ความสำเร็จ หาก ท็อดด์ โบห์ลี่ย์ ตัดสินใจได้ถูกต้อง ก็จะเข้ามากุมหัวใจแฟนบอลแทนที่ โรมัน อับราโมวิช ได้เสียที.
เขียนโดย What The Fluke
The Lite Team.